ขับรถอย่างไรให้ปลอดภัยในช่วงฝนตก
วันนี้ทีมงานของ โตโยต้า กรุงไทย มีเกร็ดความรู้ในการใช้รถช่วงฝนตกจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะฝนตกซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ถนนลื่นและเกิดอุบัติเหตุในที่สุด แน่นอนครับว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ระยะในการหยุดรถยาวกว่าปกติ รวมไปถึงวิสัยทัศน์ในการมองเห็นที่ยากลำบาก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งก็จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย แต่อย่างไรก็ตามทางทีมงานก็มีวิธีปฏิบัติและเทคนิคการขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยมาฝากลองทำตามดูนะครับ รับประกันเลยว่ามีความปลอดภัยแน่นอนครับ
1.มั่นตรวจสอบความพร้อมของรถ เช่น ระบบไฟส่องสว่าง ไฟเลี้ยว ไฟเบรก สภาพยางปาดน้ำฝน ระบบน้ำฉีดกระจก สภาพยาง และแรงดันยาง...เพราะถ้ายางอ่อน จะทำให้รถยนต์มีอาการลื่นได้ง่าย
2.เมื่อฝนตกหนัก ควรเปิดไฟหน้ารถและไฟตัดหมอก และที่สำคัญเลยไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินนะครับ
3.ขับรถยนต์ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะใน 5 นาทีแรกที่ฝนตก เพราะนั่นคือสาเหตุถนนจะลื่นได้ง่ายกว่าปกติ
4.ควรขับรถยนต์แบบทิ้งระยะห่างจากรถข้างหน้า ให้มากกว่าปกติ 2 เท่าเพื่อความปลอดภัยในระยะช่วงที่ฝนตก
5.หลีกเลี่ยงการเบรกอย่างกะทันหัน หรือ การเบรกโดยไม่จำเป็น
6.ลดความเร็วเมื่อมีการขับผ่านแอ่งน้ำ เพื่อป้องกันอาการรถยนต์เหินน้ำนั่นเอง
7.ในกรณีน้ำท่วมขัง ให้ท่านผู้ขับขี่รถยนต์ประเมินความลึกของน้ำจากรถคัดหน้าและขอบฟุตบาท
8.ในขณะที่ขับลุยน้ำที่ท่วมขัง อยู่นั้น ควรปิดระบบแอร์ของรถยนต์และใช้เกียร์ต่ำ ซึ่งเป็น เกียร์ L หรือ เกียร์ 1 เพื่อไม่ให้รอบเครื่องยนต์ต่ำ ป้องกันน้ำไหลย้อนเข้าท่อไอเสียนั่นเอง
9.หลังจากผ่านจุดน้ำท่วมขัง ควรเหยียบเบรกย้ำบ่อยๆ เพื่อรีดน้ำให้ผ้าเบรกแห้ง ป้องกันอาการเบรกลื่น แต่ถ้าต้องจอดรถ ไม่ควรใส่เบรกมือเพราะจะทำให้เกิดอาการเบรกติด
10.หากฝนตกหนักมาก ไม่สามารถมองเห็นทางได้ในระยะ 10 เมตร ควรหาที่ปลอดภัยจอดรถ รอให้ฝนเบาบางแล้วค่อยเดินทางต่อ
เอาแหละครับ ทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย ก็หวังว่าถ้าหากต้องเจออาการเหล่านี้ ท่านผู้รักรถยนต์และท่านผู้ขับขี่รถยนต์ทั้งหลายสามารถควบคุมเองได้ไม่ยากเลย ซึ่งอย่างน้อยๆ การขับขี่รถในช่วงฝนตก จึงจำเป็นต้องเคร่งครัดให้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัยกับคนที่คุณรักและตัวคุณเอง เพราะถึงแม้บางครั้ง อาจจะไปถึงบ้านช้า แต่ถ้าถึงแบบปลอดภัยครับ